หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เลี่ยมพระหลวงปู่ทวด

แบบเลี่ยมพระหลวงปู่ทวด 




รูปแบบเลี่ยมพระหลวงปู่ทวด

ด้านขวา เลี่ยมปะซุ้มลายสิงห์
ด้านซ้าย เลี่ยมปะซุ้มลายบัว



ประวัติหลวงปู่ทวด (พอสังเขป)


ข้อมูลจากฝ่ายวิชาการ ชมรมสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ รวบรวม เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2536 วันมาฆบูชา และ ขออ้างอิงที่บล็อกนี้นะคะ เพราะข้อมูลละเอียดลึกซึ้งมากๆ หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 
http://dhamma-free.blogspot.com/2011/08/blog-post.html



 ภูมิลำเนาเดิม

     หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) เดิมท่านชื่อปู ท่านเกิดที่ตำบลพะโคะ อำเภอจะทิ้งพระ (ปัจจุบัน คือ สทิงพระ) จังหวัดสงขลา เมื่อวันแรม ๑๐ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๑๒๕ เวลา ๙ นาฬิกา บิดาของท่านเป็นมุสลิม ชื่อหู มารดาของท่านเป็นชาวพุทธ ชื่อจันทร์ ท่านเป็นบุตรคนเดียวของมารดาบิดา ตอนให้กำเนิดท่านนั้น มารดาของท่านอายุ ๔๕ ปีแล้ว

สมัยเด็ก

     หลวงปู่ทวดเริ่มเรียนหนังสือที่วัดดีหลวง ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ท่านชอบการบวชเป็นพระมาแต่เด็ก เห็นพระสวดมนต์ก็คิดว่าดี จึงไปขออนุญาตพ่อแม่ บวชเณร แรกๆ ก็เพื่อทดลอง แต่เมื่อบวชแล้ว กลับไม่ยอมสึก ที่เป็นดังนี้คงจะเป็นด้วยบารมีเก่า ที่ท่านจะสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ หรือจะได้เป็นพระสังฆราชแห่งกรุงอโยธยา (กรุงศรีอยุธยา) จึงช่วยให้ไม่อยากสึก

เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์


  หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) บวชที่อำเภอจะทิ้งพระ ตอนที่ท่านบวชเณรนั้นมารดาบิดาของท่านมีอายุ ๕๐ ปีเศษแล้ว ตอนท่านบวชเป็นพระ มารดาของท่านมีอายุ ๖๐ ปีเศษ เมื่อบวชแล้วท่านได้ไปศึกษาเล่าเรียนที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจนอายุได้ ๒๕ ปี ระหว่างที่บวชอยู่นี้ มารดาบิดาของท่านชรามากแล้วและมีท่านเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นความหวังที่จะให้ตอบแทนบุญคุณบิดามารดา และหวังให้ท่านเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ไปขอร้องให้ท่านสึก บิดามารดาไปอ้อนวอนขอให้ท่านสึกถึงหน้ากุฏิ แต่ท่านไม่ยอมสึก
     ท่านถือว่าขนาดพระพุทธเจ้าเป็นถึงเจ้าชาย และมีพระนางพิมพา พระราหุล แล้ว ยังทรงสละราชบัลลังก์ ออกบวชได้ แล้วท่านเป็นบุคคลธรรมดา จะบวชให้ตลอดไปมิได้หรือ นอกจากนี้ ท่านยังถือว่า การบวชของท่านนี้ย่อมอำนวยประโยชน์อันสูงกว่าประโยชน์ในทางโลก ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสละมารดาบิดาของท่านไปอยู่สงขลา ท่านอยากสอบเป็นมหาอาจารย์ต่อมาท่านได้เดินทางไปเมืองอโยธยา

มุ่งสู่อโยธยา

      ที่เมืองอโยธยา ท่านไปศึกษาวิชาการต่างๆ อยู่ที่วัดพุทไธศวรรย์ วัดพุทไธศวรรย์นี้เป็นวัดหลวงที่พระเจ้าอู่ทองได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงมาจากกรุงสุโขทัย พระเจ้าอู่ทองได้ทรงเสด็จมาทางเมืองแพร่ แล้วมาสร้างวัดนี้ จากนั้นแล้วทรงสร้างกรุงอโยธยาเป็นเมืองหลวง


     พระเจ้าอู่ทองมักเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลยังวัดนี้เสมอๆ และได้ทรงพบกับหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) เป็นที่สบอัธยาศัยกัน ในที่สุด พระเจ้าอู่ทองทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน พ.ศ.๒๑๘๑ ต่อมา ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ ตอนนี้ท่านจึงได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่สงขลาอีกครั้งหนึ่ง


เหยียบน้ำทะเลจืด

      การเดินทางจากกรุงอโยธยาไปยังสงขลาในสมัยนั้น ต้องใช้เรือใบแบบสำเภาเป็นภาหนะ ระยะทางไปกลับใช้เวลา ๑ ปี เมื่อท่านไปเยี่ยมบ้านแล้ว ขากลับจะเดินทางจากสงขลามาอโยธยาก็ได้มาลงเรือที่สงขลา ก่อนออกเรือ พวกลูกเรือลำที่ท่านโดยสารไปซึ่งเป็นชาวมุสลิมได้ตั้งวงเล่นไพ่กัน และเล่นกันเพลินจนลืมเตรียมน้ำจืดไว้ใช้ในเรือ เมื่อเรือออกเดินทาง คนจึงไม่มีน้ำกิน พวกชาวเรือเหล่านั้นได้พากันกล่าวหาว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะมีภิกษุจัญไร คือท่านร่วมเดินทาง จึงทำให้พวกเขาลืมเอาน้ำจืดลงเรือไปด้วย จะพากันอดน้ำตาย แล้วตกลงจะจับท่านไปปล่อยไว้ที่เกาะหนูเกาะแมว



     ท่านจึงอธิษฐานว่า ”หากแม้ข้านี้สามารถที่จะสืบต่ออายุพุทธศาสนา ทำงานให้ศาสนารุ่งเรือง ขอให้น้ำทะเลบริเวณที่เท้าเหยียบลงไปนี้จงกลายเป็นน้ำจืดเถิด” แล้วท่านก็เอาเท้าจุ่มลงทะเล น้ำบริเวณที่ท่านจุ่มเท้าลงไปนั้นกลายเป็นน้ำจืด พวกชาวเรือสำเภานั้นจึงได้ตักขึ้นไว้ใช้ในเรือ ๑๓ โอ่ง มีน้ำใช้ตลอดทางจนถึงอโยธยา และด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เองท่านจึงได้รับสมญานามว่า”หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด”

      หลวงปู่ทวดทิ้งสังขารเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะแม ตรงกับวันพุธที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๒๔ เวลา ๒๓.๔๕นาฬิกา สิริรวมชนมายุ ๙๙ ปี ๓ วัน


   ตลอดชีวิตตั้งแต่บวชจนสิ้นสังขารไปจากโลกมนุษย์ ท่านใช้จีวรเพียง ๔ ชุดเท่านั้น



อ่านเพิ่มเติมได้ที่  (อ้างอิง)

http://dhamma-free.blogspot.com/2011/08/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น