หน้าเว็บ

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เพชรตัดเพชร(Diamonds cut diamonds)

การเจียระไนเพชร 

ขอเกริ่นนำก่อนนะคะว่า ทำไมถึงใช้บทความที่ขึ้นชื่อว่า เพชรตัดเพชร เพราะส่วนใหญ่ถ้าพูดเรื่องเจียระไนเพชร ในอุตสาหกรรมการเจียระไนนิยมใช้เพชรด้วยกันเองในการเจียระไน เพราะว่าเพชร หากวัดความแข็งจากโมห์สเกล (Moh's scale of hardeness) 

นิยามความแข็ง(Hardness)ทางอัญมณี หมายถึง ความสามารถทนต่อแรงขูดขีดได้ โดยหากแข็งมากแสดงว่า สามารถทนต่อแรงการขูดขีดได้มาก  


เพชร(Diamond) มีความแข็งมากเป็นอันดับหนึ่งเมื่อนำมาขูดขีดกับอัญมณีอื่นๆ เช่น ทับทิม ไพลิน ไม่มีอัญมณีใดสามารถขูดขีดเพชรให้เป็นรอยได้เลย (แต่ในทางกลับกันเพชรขูดขีดอัญมณีอื่นๆเป็นรอยได้นะคะ เพราะฉะนั้น ขอยกตัวอย่างในการเก็บรักษาเช่น หากเราต้องการเก็บรักษาแหวนเพชรและแหวนพลอย ควรใส่ถุงแยกกันไว้ไม่ให้เสียดสีหรือขูดกันได้) 

หลายคนคงคิดว่านี่เองเป็นเหตุผลให้เพชรมีราคาแพงเพราะความแข็ง(Hardness)ที่มาก ประกอบกับการที่ต้องใช้เพชรในการตัดเหลี่ยมเฉียนคมเพชรด้วยกันเองจึงจะได้เหลี่ยมไฟที่สวยงาม  จริงๆแล้วเพชรในธรรมชาตินั้นจะพบได้หลายเกรดมาก มีเพียงน้อยมากที่เป็นเพชรคุณภาพสูงที่สวยมากเพียงพอในการนำมาเจียระไน(Cut) ขัดเงา(Polish) เป็นเพชรในเครื่องประดับและจิวเวลรี่ ส่วนเพชรที่เกรดไม่ดีนั้นจะมีลักษณะเหมือนก้อนกรวดเงาๆ สีน้ำตาลบ้าง ติดสีดำมากๆ ไม่มีประกาย เกิดจากการตกผลึกอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมมีแร่ธาตุอื่นเช่น ธาตุไนโตรเจน(Nitrogen) ปะปนอยู่เป็นปริมาณมาก ด้วยเหตุนี้การที่คัดเลือกเพชรที่สวยและคุณภาพดี สีใสบริสุทธิ์ได้จริงๆ นั้นน้อยมากหากเทียบกับปริมาณเพชรที่ขุดได้ในแต่ละเหมือง ทำให้เพชรมีราคาแพง นี่ยังไม่นับระยะเวลาของการกำเนิดเพชรแต่ละเม็ดที่ใช้เวลานานมาก ประมาณหนึ่งพันล้านปีเลยทีเดียว หากต้องการอ่านเรื่องกำเนิดเพชรเพิ่มเติม (Origin of Diamond) คลิกที่นี่นะคะ  

รู้อย่างนี้แล้วเราพอจะจินตนาการได้ว่า จริงๆมีเพชรเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องประดับหรือขึ้นงานจิวเวลรี่ได้ แล้วจะนำไปทำประโยชน์อะไรได้บ้างมั้ยเหนออออ ....คงไม่ได้นำไปทิ้งอย่างแน่นอนค่า เพราะคุณสมบัติที่แข็งมากของเพชรจึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมหนักได้หลายอย่าง เช่น ทำหัวเจาะหินแข็ง บดเป็นผงทำเป็นจานเจียระไนเพชร หรือ พลอย และนี่เองนะคะ ที่่เป็นที่มาของคำว่า "เพชรตัดเพชร (Diamonds cut diamond)" 

การตัดเหลี่ยมเพชร แบบ บริเลี่ยน (Brilliant cut)


เหลี่ยมการเจียระไนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ แบบบริเลี่ยน(Brilliant cut) คือเหลี่ยมที่เราคุ้นเคยและพบเห็นได้บ่อยมากที่สุดนั่นเองนะคะ พูดง่ายๆให้นึกภาพออกกันเลย ก็คือ เหลี่ยมกลมๆที่มีประกายไฟระยิบระยับ สมมาตรกันเกือบทั้งเม็ด ที่ได้รับความนิยมมากส่วนหนึ่งมาจากการเจียระไนแบบนี้จะสูญเสียเนื้อเพชรน้อยที่สุด และทำให้เพชรมีประกายไฟสวยที่สุด 

การเจียระไนเพชร แบบบริเลี่ยน(Brilliant cut) (ตามรูปด้านบน) โดยจะเน้นเจียระไนด้านบนก่อน โดยเจียรให้มีความเรียบมากที่สุด จากนั้นจะเจียระไนด้านล่างหรือบริเวณก้นของเพชร ต่อมาคือเพิ่มประกายด้วยการตัดเจียระไนด้านข้าง เหลี่ยมบริเลี่ยน ที่สมบูรณ์แบบและสวยนั้นต้องนับหน้าตัดหลังจากการเจียระไนแล้ว ได้ 58 หน้า โดยแต่ละมุมตามแบบมาตรฐานสากล 

เกล็ดเล็กๆน้อยๆ ของการเจียระไนเพชรให้ได้ประกายไฟที่สวยที่สุดนั้น จริงๆใช้ความรู้ด้านฟิสิกส์ด้วยนะคะ พอพูดคำนี้ปุ๊บฟังดูเริ่มน่าปวดหัวขึ้นมาในทันที คือ จริงๆแล้วพูดง่ายคือ การเจียระไนให้มีมุมตกกระทบ(มุมวิกฤต) ที่ทำให้แสงนั้นสะท้อนขึ้นมาด้านบนทั้งหมด คือ เป็นมุมที่พอดีให้แสงตกกระทบทั้งหมดสะท้อนกลับมาหาตาของเรานั่นเอง แค่นี้เพชรเม็ดนั้นก็ขึ้นชื่อว่า ได้ผ่านการเจียระไนที่สุดยอดสวยสุดๆ พูดอาจจะฟังดูเหมือนง่ายมาก แต่ความเป็นจริงนั้นการเจียระไนเพชรให้มีประกายไฟสวยที่สุดยากมาก เพราะต้องใช้ผู้รู้ที่มีประสบการณ์หลายปีในงานด้านนี้ โดยผ่านกระบวน การคิด วางแผนและการคำนวณ เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากกระบวนการต่างๆของการเจียระไน อาจก่อให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าสูงหลายล้านบาท หากคิดเป็นจำนวนเงินเพราะในตลาดอัญมณีนั้นเราซื้อเพชรตามน้ำหนักของเพชรนั่นเอง 



ดูการเจียรไนเพิ่มเติมได้ที่นี่ 



คีย์เวริด์: เจียระไน, เพชร, เหลี่ยม, ตัดเหลี่ยมกลม, บริเลี่ยนคัต, ความแข็ง, อัญมณี
Keyword: Cut, Cutting, Polish, Round Brilliant, Diamond, Hardness, Moh scale

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น