หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เอกลักษณ์ทองแห่งสยาม(Thai Gold in Uniqueness)

คุณสมบัติทองคำของไทย

ขึ้นชื่อว่าทองคำ ใครๆก็ต้องอยากได้มีไว้ครอบครองไม่มากก็น้อย ..ใครจะมาเถียงคะว่า ไม่จริ๊งงงง ไม่จริง ถ้ามีคนเอาทองมาให้จะรับมั้ยนะ เป็นเราขอรับไว้ก่อนดีกว่านะคะ (แล้วไปขายตามร้านทองที่หลัง ก็ยังได้ อิอิ) ไม่งั้นเค้าคงไม่นำทองคำเป็นสินสอดทองหมั้นแน่ๆ แหมแต่งลูกสาวทั้งที คงต้องมีของมีราคามาแลกกันซักหน่อย นอกจากนี้ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของหลายๆประเทศ และ เป็นสินทรัพย์สำหรับการลงทุนด้วยนะคะ หากพูดถึงการลงทุนต้องขอบอกว่าทองคำเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ถ้าเป็นการลงทุนระยะสั้นมากๆๆๆ เพียร์เจมส์ขอเรียกว่า เป็นการเก็งกำไรในทองคำแทนละกันนะคะ ที่นี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ประวัติของคนไทยกับทองนั้นเป็นมาอย่างไร ตั้งแต่เกิดมาก็รู้ว่าทองคำมีค่าและนำไปแลกเป็นเงินได้เสมอ ทำให้ทองคำเปรียบเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากกว่า สินทรัพย์อื่นทั่วไป ทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ผู้คนทั่วไปนิยมซื้อเก็บ หรือ ใส่เป็นเครื่องประดับก็ยังได้ ในเมืองไทยเอกลักษณ์ของร้านที่ขายทองคือ ตู้แดงค่า ซึ่งบางที เราจะนึกภาพออกเลยว่า ร้านใดทาสีแดง ที่ตู้ ยิ่งตัดกับทาสีเหลืองทองด้วยแล้ว ขอเดาไปเลยว่า เกินครึ่ง ขายทองรูปพรรณอย่างแน่นอน ที่นี้เพียร์เจมส์ขอเล่าถึงประวัติและความน่าสนใจของทองคำพอสังเขปนะคะ ในใจความว่า ...

ทองคำ(Gold) จัดเป็นโลหะมีค่า มีราคามาเป็นเวลานาน ซึ่งแร่ทองคำ(Au)นั้นเกิดได้เองตามธรรมชาติ เป็นแร่ที่มีความคงทนต่อการเกิดปฎิกริยาสูง ไม่สึกกร่อน ไม่เปลี่ยนสี ไปตามกาลเวลา ทำให้เก็บรักษาทองคำนานเท่าใดทองคำก็สามารถคงรูปลักษณ์ที่สวยงามนั้นได้ดังเดิม ทำให้ทองคำนิยมมากในการนำมาทำเป็นเครื่องประดับ หรือ แม้กระทั่งใช้ในอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น เป็นวัสดุทางทันตกรรมซึ่งจะใช้ทองคำบริสุทธิ์(เปอร์เซนต์ทอง 99.99%) หรือ แม้กระทั่งส่วนประกอบเล็กๆของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์



คุณสมบัติของทองคำ 


  • มีความแวววาวอยู่เสมอ
  • ไม่ทำปฎิกริยาออกซิเดชั่นในอากาศทำให้สีไม่หมอง หรือ เกิดเป็นสีดำในเนื้อทองคำ
  • มีความอ่อนตัวมากที่สุด 
  • หายากมาก และ เป็นสินทรัพย์หรือแร่ธาตุที่มีอยู่เป็นปริมาณจำกัดในโลก
  • มีความเหนียว สามารถดัด ยืด ขยาย เป็นรูปทรงได้ง่าย 
  • สะท้อนแสงได้สูง ทำให้เราเห็นทองคำเป็นสีเหลืองอร่ามตา
  • นำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี 

หน่วยมาตรวัดทองคำในประเทศไทย

  • ทองรูปพรรณ 1/2 สลึง น้ำหนัก 1.75 - 1.8 กรัม
  • ทองรูปพรรณ 1 สลึง น้ำหนัก 3.75 - 3.8 กรัม
  • ทองรูปพรรณ 2 สลึง น้ำหนัก 7.55 - 7.6 กรัม
  • ทองรูปพรรณ 1 บาท น้ำหนัก 15.15 - 15.2 กรัม (ทองคำแท่ง 1 บาท น้ำหนัก 15.244 กรัม)
( หมายเหตุ: ทองรูปพรรณ หมายถึง ทองที่นำมาแปรรูปเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ต่างหู อื่นๆ )

ทองรูปพรรณของไทย (Thai Gold, 23 Karat)

เอกลักษณ์ที่สำคัญของเปอร์เซนต์ความบริสุทธิ์ของทองคำ 

เปอร์เซนต์ทองคำแท้ที่ผสมอยู่ในงานเครื่องประดับ หรือ เนื้อทองนั้นในประเทศไทย มีพบคือ 99.99% และที่พบมากที่สุด คือ 96.5% อธิบายให้ละเอียดขึ้นได้ดังนี้ ทองคำที่บริสุทธิ์ที่สุด คือ ประกอบด้วยทองคำแท้เป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 99.99% หรือ เทียบได้เท่ากับ 24  กะรัต โดยทองคำของไทยเรานั้น มีเอกลักษณ์ของเปอร์เซนต์ทองคำแท้เป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 96.5% หรือ เทียบได้เท่ากับ 23 กะรัต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสากลทั่วไป นิยมเครื่องประดับทองคำที่มีเปอร์เซนต์ทองคำเป็นส่วนผสมน้อยกว่าทำให้สีของเครื่องประดับจะเป็นสีทองอมเหลืองแดงมากกว่า แต่ทองไทยนั้นมีเอกลักษณ์ตรงที่ส่วนผสมของทองคำในเครื่องประดับหรือทองรูปพรรณนั้นมากกว่า ทำให้สีของชิ้นงานรูปพรรณที่ได้หรือเครื่องประดับให้สีเหลืองอร่ามสว่างตา ดูสดใสมากกว่า 

หลายคนอาจจะสงสัยกับคำว่า "กะรัต" ส่วนใหญ่มาตรฐานสากลจะใช้คำนี้ หรือ หน่วย กะรัต(Karat) นี้แทนการเรียกเป็นเปอร์เซนต์ส่วนประกอบของทองคำในชิ้นงานนั้นๆ แต่ปัจจุบัน บางทีก็นิยมย่อคำว่ากะรัต(Karat) เหลือเป็นเพียงคำว่า "เค(K)" เท่านั้น เช่น 
  • ทองบริสุทธิ์  99.99% นั้นเทียบได้เท่ากับ 24 K
  • ทองคำบริสุทธิ์  96.5% (เอกลักษณ์ไทย)นั้นเทียบได้เท่ากับ 23 K

คีย์เวริด์: ทองคำ, ทองไทย, ทองสยาม, กะรัต
Keyword: Siam gold, Thai gold, Karat, 23 Karat

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น